มือใหม่ เลือกซื้อจักรยานแบบไหนดี ?

          คำถามหลักๆที่มือใหม่ควรต้องตอบก่อนที่จะเลือกซื้อจักรยานคือ ปั่นกับใคร ปั่นที่ไหน ปั่นไปทำอะไรและงบประมาณเท่าไร

1. ปั่นกับใคร
          ถ้าเราตั้งใจจะซื้อจักรยานเพื่อไปปั่นกับเพื่อน เราควรจะซื้อจักรยานประเภทเดียวกับเพื่อนครับผม เช่นถ้าเพื่อนปั่นหมอบ ถ้าเราไปปั่นภูเขา เราจะตามเพื่อนไม่ค่อยทันครับ เช่นเดียวกัน ถ้าเพื่อนปั่นเสือภูเขา แล้วเราปั่นหมอบ เพื่อนจะไปปั่นทางขรุขระนิดหน่อยเราก็ไม่อยากไปแล้วครับ ดังนั้น ทางที่ดีเลือกซื้อจักรยานประเภทเดียวกับคนที่เราจะปั่นด้วย ครับ

2. ปั่นที่ไหน
          เราควรจะเช็คสภาพถนนที่เราต้องการจะปั่นก่อนครับ ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วสภาพถนนเป็นยังไง เรียบไหม มีหลุมบ่อเยอะไหม ตระแกรงท่อเยอะไหม หรือว่าอยากปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง ปั่นทางเรียบๆ ยาวๆ ก็อาจจะดูเป็นประเภทเสือหมอบเป็นหลัก ปั่นทางขรุขระ ก็ควรจะดูเป็นประเภทเสือภูเขาเป็นหลัก

3. ปั่นไปทำอะไร
          ถ้าเราปั่นเพื่อออกกำลังกายอย่างเดียว อย่างนี้ไม่มีปัญหาครับผม ซื้อประเภทไหนก็ได้ แต่ว่าถ้าต้องการแบกสัมภาระหน่อยล่ะก็ ควรจะดูเป็นจักรยานประเภททั่วริ่งครับผม ถ้าจะซื้อเสือหมอบนี่ปั่นไปซื้อข้าวแกงหน้าปากซอยยังไม่สะดวกเลยครับผม เพราะหมอบส่วนใหญ่จะติดตระแกรงไม่ได้ ถ้าจะเอาถุงห้อยไว้ที่แฮนด์ ไม่แนะนำครับ ค่อนข้างอันตรายเลย

4. งบประมาณ
          เรื่องนี้แล้วแต่กำลังทรัพย์เลยครับผม แต่อย่าลืมกันเงินไว้สำหรับซื้ออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย อาทิเช่น หมวกกันน๊อค ไฟ และถุงมือ ด้วยนะครับ ตอบคำถามได้แล้ว

เรามารู้จักกับจักรยานประเภทต่าง กันก่อนดีกว่าครับ

1. จักรยานเสือหมอบ [Road Bike]
เสือหมอบเป็นจักรยานที่ถูกออกแบบมาโดยเน้นความเร็วเป็นหลัก เน้นปั่นบนทางเรียบ จักรยานประเภทนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ล้อค่อนข้างเล็ก ข้อเสียคือ เปราะบาง และบรรทุกของไม่ได้เลย เหมาะสำหรับ ปั่นบนถนนที่ค่อนข้างเรียบ ยาวๆ โล่งๆ สามารถปั่นบนถนนในเมืองได้ครับ แต่ว่าต้องหลบหลีก ท่อ หลุม บ่อ รถ และถนนขรุขระเยอะหน่อย


2. จักรยานเสือภูเขา [Mountain Bike]
จักรยานเสือภูเขา ถูกออกแบบมาเพื่อปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง จักรยานมีน้ำหนักมาก ล้อใหญ่ ส่วนมากจะมีโช๊ค ช่วยรับแรงกระแทก ข้อเสียคือใช้แรงในการปั่นค่อนข้างเยอะ ปั่นเร็วไม่ค่อยได้ เหมาะสำหรับ ปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง ค่อนข้างเหมาะสำหรับปั่นใน กรุงเทพประเทศไทย ซึ่งมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ และมีอุปสรรคมากมายให้ชาวจักรยานได้หลบหลีกกัน


3. จักรยานไฮบริด [Hybrid Bike]
จักรยานไฮบริด เป็นจักรยานลูกผสมระหว่าง เสือหมอบ และเสือภูเขา จะมีความหลากหลายมากๆ ข้อดีก็คือ จะลุยได้มากกว่าจักรยานเสือหมอบ เร็วได้มากกว่าจักรยานเสือภูเขา แต่ข้อเสียก็เช่นกัน ลุยได้น้อยกว่าเสือภูเขา และช้ากว่าเสือหมอบ จะเป็นจักรยานที่อยู่ตรงกลางๆ เอาข้อดีและข้อเสียของสองประเภทมาผสมกัน จักรยานไฮบริดส่วนใหญ่มักจะเป็นแฮนด์ตรง เหมาะสำหรับ ปั่นในเมือง เนื่องจาก ในเมืองกรุงเทพประเทศไทยของเรานั้น มีสภาพค่อนข้างหลากหลายมาก มีทั้งทางตรงยาวๆ ทางขรุขระ และหลุมบ่อ มีสภาพผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นสภาพที่ค่อนข้างเหมาะแก่การปั่นจักรยานไฮบริดยิ่งนัก


4. ไซโคลครอส [Cyclocross]
จักรยานไซโคลครอส เป็นจักรยานที่ทรงคล้ายๆหมอบ แต่ล้อใหญ่คล้ายๆภูเขา เป็นจักรยานที่ออกแบบมาเพื่อ ปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง ถนนหิน แต่ว่า ยังคงทางปั่นของหมอบไว้ ทำให้ทำความเร็วได้ค่อนข้างดี แต่ข้อเสียก็เช่นเดียวกับจักรยานไฮบริดครับผม คือไม่สุดไปซักทาง เหมาะสำหรับ จริงๆแล้วสามารถนำไปปั่นได้หลากหลายมาก จะปั่นทางเรียบไกลๆก็พอไหว ทางขรุขระก็ทำได้ไม่เลว ทั่วริ่งก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นจักรยานค่อนข้างอเนกประสงค์ครับผม


5. จักรยานทัวริ่ง [Touring Bike]
จักรยานทัวริ่ง จะเน้นในเรื่องของการปั่นไกล ดังนั้น จักรยานทัวริ่งจะต้องบรรทุกของได้สำหรับไปค้างแรม จะต้องซ่อมง่ายหากจักยานเสียระหว่างทางสามารถซ่อมได้โดยไม่ยาก และเน้นความสบายในการปั่นเนื่องจากต้องอยู่บนจักรยานวันละหลายๆชั่วโมง เหมาะสำหรับ ปั่นไปเที่ยว ทางไกลๆ และอาจจะต้องนำสัมภาระไปด้วย


6. จักรยานพับ [Folding Bike]
ตามชื่อเลยครับผม จุดเด่นและข้อดีของจักรยานพับ ก็คือมันสามารถพับได้ พกพาสะดวก พาขึ้นรถไฟฟ้า รถใต้ดินได้ ใส่รถก็สบาย


7. จักรยานฟิกเกียร์ [Fixed Gear Bike]
เสน่ห์ของมันคือความเท่ห์ครับผม เป็นจักรยานที่หากเคลื่อนที่อยู่ เราไม่สามารถหยุดปั่นได้ ขาต้องหมุนตลอด จักรยานฟิกเกียร์ส่วนใหญ่จะไม่มีเบรกครับ ถ้าหากต้องการจะเบรก จะใช้การหยุดปั่นแทน ข้อดีของจักรยานประเภทนี้คือ มันไม่มีกลไกอะไรเลยครับ ทำให้การซ่อมบำรุงรักษาทำได้ง่าย และที่สำคัญคือความเท่ห์ครับผม