วิวัฒนาการจักรยาน

          ในช่วงต้นของปี 1860 ชาวฝรั่งเศสชื่อว่า Pierre Michaux และ Pierre Lallement ได้ทำการออกแบบจักรยานในแบบใหม่โดยการเพิ่มขาจานและบันไดสำหรับปั่นเรียกว่า crank โดยยึดติดอยู่กับล้อหน้า (thevelocipede). ชาวฝรั่งเศสอีกคนหนึ่งที่คิดพัฒนาจักรยานมีชื่อว่า Douglas Grasso แต่เป็นต้นแบบที่ยังใช้ไม่ได้ของ Pierre Lallement's bicycle เมื่อหลายปีก่อนนั้น การพัฒนาจักรยานในยุคนั้นมีหลายครั้งที่พยายาม พัฒนาโดยการใช้การขับเคลื่อนจากล้อหลัง โดยรูปแบบที่รู้จักกันดีคือการขับเคลื่อนด้วยขาจานเรียกว่า velocipede ประดิษฐ์โดยชาวสก็อตชื่อว่า Thomas McCall ในปี 1869 ในปีเดียวกันนั้น ในปีเดียวกันนั้น ล้อจักรยานที่ใช้ซี่ลวด ได้ถูกจดสิทธิบัตรโดยบริษัท Eugène Meyer ในกรุงปารีส จักรยาน vélocipède ,ของประเทศฝรั่งเศสผลิตจากเหล็กและไม้ และพัฒนาจนกลายเป็น "เพนนี-ฟาร์ธิง" (ในอดีตรู้จักกันว่าเป็นต้นแบบของจักรยานในปัจจุบัน a retronym, ซึ่งไม่มีรูปแบบอื่น ๆ ). มันมีจุดเด่นที่ตัวถังเป็นท่อเหล็ก ล้อที่เป็นซี่ลวดและยางตัน จักรยานรูปแบบนี้ ขับขี่ยากเพราะว่าเบาะนั่งที่อยู่สูงและ ต้องอาศัยการทรงตัวอย่างมากเพราะว่าการกระจายน้ำหนัก ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ในปี 1868 Rowley Turner พนักงานขายของบริษัท Coventry Sewing Machine Company (ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นบริษัท Coventry Machinist Company) ได้ซื้อ Michaux cycle to คอเวนทรี, ประเทศอังกฤษ. โดยลุงของ, Josiah Turner, และมีJames Starley, เป็นหุ้นส่วนทางธุรกกิจ จากสิ่งนี้ทำให้ 'Coventry Model' ได้กลายเป็นโรงงานที่ผลิตจักรยานแห่งแรกของประเทศอังกฤษ



          การแก้ไขข้อบกพร่องบางส่วน โดยการลดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อหน้าลง และ ตั้งค่าอานที่นั่งโดยการเลื่อนออกไปด้านหลังมากขึ้น ในที่สุดแล้ว ก็ต้องมีการใช้การทดเกียร์ ซึ่งส่งผลกระทบหลายอย่าง ในการออกแรงกดบันได การที่มีทั้งบันไดและ การบังคับเลี้ยวผ่านล้อหน้ายังคงมีปัญหาอยู่ J. K. Starley (เป็นหลานของ James Starley), J. H. Lawson, และ Shergold ได้แก้ปัญหานี้โดยเสนอให้ใช้ การขับเคลื่อนผ่านโซ่ ( "bicyclette" ของ Englishman Henry Lawson เคยมีการนำมาใช้ก่อนหน้านี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ), โดยการเชื่อมขาบันไดจานหน้าและโครงรถเข้ากับล้อหลัง ซึ่งโครงสร้างแบบนี้รู้จักกันในชื่อ safety bicycles, dwarf safeties, or upright bicycles มีการลดความสูงของเบาะนั่งลง เพื่อกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้น การที่ยังไม่มีการใช้ล้อยางแบบเติมลม การขับขี่บนล้อ ขนาดเล็กลงจะรู้สึกถึงความแข็งกระด้างของพื้นทางมากกว่า ล้อขนาดใหญ่ ในปี 1885 บริษัท Starley's Rover ก่อตั้งขึ้นในโคเวนทรี (Coventry) ได้แสดงรูปแบบของจักรยานสมัยใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีการเพิ่มท่อตั้งเข้าไปกลางโครงรถ ทำให้เกิดโครงรถรูปแบบ สามเหลี่ยมสองอันประกบกัน หรือที่เรียกว่า ไดมอนด์เฟรม




          นวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเพิ่มความสะดวกสบาย และเกิดความนิยมใช้จักรยาน ในปี 1890 ถือเป็นยุคทองของจักรยาน ในปี 1888, John Boyd Dunlop ชาวสก็อต ได้เสนอการใช้ล้อที่มียางและมีลมข้างในขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาได้ใช้กันอย่างกว้างขวาง ในช่วงเวลาต่อมา ฟรีล้อหลัง ได้ถูกนำมาใช้ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานง่ายขึ้น การประดิษฐ์นี้ ทำให้เกิด เบรกแบบโคสเตอร์ คือการหมุนบันไดกลับหลังเพื่อเบรก ในปี 1890s ตัวสับเกียร์ และตัวบังคับที่แฮนด์ สายเคเบิลแบบมีปลอก ใช้เพื่อดึงเบรก ได้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน แต่ยังคงไม่ได้นำมาใช้กับรถจัรยานทั่ว ๆ ไป ในช่วงทศวรรตนั้น กลุ่มนักปั่นจักรยาน มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองฝั่งของทะเล แอทแลนติก ทั้งการใช้งานในรูปแบบ ปั่นเพื่อ ท่องเที่ยวและ ปั่นเพื่อการแข่งขัน ซึ่งต่อมาได้รับความนิยม และขยายวงขึ้นอย่างกว้างขวาง



          จักรยานและม้าเทียมรถ เป็นสองสิ่งหลักที่ใช้ในการคมนาคมขนส่งภาคเอกชน ก่อนที่จะมีรถยนต์เกิดขึ้นและ ก่อนที่จะมีการพัฒนาถนนให้ราบเรียบ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีการกระแส อย่างกว้างขวาง โดยการโฆษณา ให้มีการผลิตและใช้อุปกรณ์เหล่านี้